1. ประเภทของบาร์โคดที่ต้องการอ่าน
บาร์โคด 1 มิติ (1D): เครื่องอ่านทั่วไปสามารถอ่านบาร์โคดที่มีเส้นตรงแนวนอน เช่น UPC, EAN, Code 39
บาร์โคด 2 มิติ (2D): หากธุรกิจของคุณใช้ QR Code หรือ Data Matrix จะต้องเลือกเครื่องอ่านที่รองรับการอ่านบาร์โคด 2 มิติ
2. สภาพแวดล้อมการใช้งาน
ในร้านค้าปลีกหรือสำนักงาน: เลือกเครื่องอ่านที่มีดีไซน์เล็ก กระทัดรัดและใช้งานง่าย
ในคลังสินค้า: ต้องการเครื่องอ่านที่ทนทานต่อการตกกระแทก ฝุ่นละออง หรือความชื้น
ในอุตสาหกรรมการผลิต: ควรเลือกเครื่องอ่านที่มีความทนทานสูงและสามารถอ่านบาร์โคดได้แม้อยู่ในสภาพแสงน้อยหรือบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ
3. รูปแบบการเชื่อมต่อ
เครื่องอ่านแบบสาย (Wired): เหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่ต้องการเคลื่อนที่มาก มีความเสถียรในการเชื่อมต่อสูง
เครื่องอ่านแบบไร้สาย (Wireless): เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องเคลื่อนที่ เช่น ในคลังสินค้า หรือร้านค้าที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งบ่อย
4. ความเร็วและระยะการอ่าน
เลือกเครื่องอ่านที่สามารถอ่านบาร์โคดได้รวดเร็วและแม่นยำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ระยะการอ่านควรเหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน เช่น การอ่านบาร์โคดที่อยู่ในที่สูงหรือตำแหน่งที่เข้าถึงยาก
5. ฟังก์ชันเพิ่มเติม
การอ่านบาร์โคดจากหน้าจอ: หากต้องการอ่านบาร์โคดจากหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ต้องเลือกเครื่องอ่านที่รองรับฟังก์ชันนี้
การเปลี่ยนภาษาอัตโนมัติเมื่อสแกน: สำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแป้นพิมพ์สลับไปมาระหว่างภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ก็จะต้องเลือกเครื่องที่รองรับฟังก์ชั่นนี้ด้วย
6. ความสามารถในการเชื่อมต่อกับระบบเดิม
ตรวจสอบว่าเครื่องอ่านสามารถเชื่อมต่อกับระบบ POS, ระบบการจัดการคลังสินค้า หรือระบบ ERP ที่ใช้งานอยู่ได้อย่างไร้รอยต่อ
7. งบประมาณ
กำหนดงบประมาณที่เหมาะสมและพิจารณาเครื่องอ่านที่มีคุณสมบัติและฟังก์ชันตรงตามความต้องการในราคาที่เหมาะสม
8. การรับประกันและบริการหลังการขาย
เลือกเครื่องอ่านจากผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายที่มีการรับประกันและบริการหลังการขายที่ดี เพื่อความมั่นใจในการใช้งานระยะยาว
ซึ่งทั้งนี้สินค้าของ บริษัท วอเรกซ์ บาร์โคด (ประเทศไทย) จำกัด มีการรับประกันสินค้า 1 ปี ทุกชิ้น หากพบปัญหาภายใน 7 วัน เปลี่ยนตัวใหม่ทันที มาพร้อมบริการหลังการขาย ไม่ว่าจะการช่วยแนะนำ หรือช่วยสอนการใช้งาน รวมถึงช่วยแก้ปัญหาที่ลูกค้ากำลังพบอยู่